เกร็ดน่ารู้เรื่องอะครีลิคสีทอง

อะครีลิคสีทองคืออะไร

อะครีลิคสีทอง คือสีที่ใช้เรซินประเภทอะครีลิคผสมกับผงทอง

ผงทองที่ใช้เป็นประเภทไหนและมีคุณสมบัติอย่างไร

เป็นผงทองชนิดพิเศษ มีคุณสมบัติ

1.สำหรับใช้งานภายนอกอาคาร จึงใช้งานได้อย่างกว้างขวาง ไม่ต้องกังวลว่า เลือกใช้งานถูกต้องหรือไม่

2.ให้สีสดใส แวววาว ซึ่งอยู่กับว่าเลือกใช้อะครีลิคสีทองเบอร์ไหน

3.ทนทานต่อกรด-ด่าง จึงไม่มีปัญหาเมื่อไช้งานกับพื้นผิวที่มีความเป็นด่างเช่น พื้นผิวคอนกรีตเป็นต้น

4.ทนทานต่ออุณหภูมิสูงถึง 800C

5.สีคงทนและทนทานไม่เกิดการอ็อกซิไดซ์หรือเกิดการเปลี่ยนสีหรือซีดจาง

ผงทองที่ใช้เป็นผงทองคำแท้หรือเปล่า

ไม่ใช่ทองคำแท้ เพราะทองคำแท้มีราคาสูงมาก แต่ใช้ผงมุกสีทอง

ผงมุกสีทองทำมาจากอะไร

การที่เราเรียกผงมุกก็ไม่ใช่การเรียกที่ถูกต้อง เพราะไม่ใช่ทำมาจากมุกทองจากธรรมชาติ (Golden Pearls) แต่เป็นผงสีที่สังเคราะห์ขึ้น ถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง ต้องเรียกว่า เม็ดสีที่ให้ประกายมุก (Pearlescent pigments)

เม็ดสีประกายมุก (Pearlescent pigments)  แรกเริ่มทำมาจากมุกธรรมชาติ ที่สกัดมาจากเกล็ดปลาหรือผิวหนังของปลา เม็ดสีประเภทนี้ราคาสูงมาก จึงนำไปใช้กับเครื่องสำอางราคาแพงๆเท่านั้น  จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโดยการสังเคราะห์เม็ดสีประกายมุกขึ้น โดยการใช้พื้นผิวของสารที่เรียกว่าไมกา (Mica) ที่อาจมาจากธรรมชาติหรือสังเคราะห์ขึ้นหรือใช้พื้นผิวของสารอื่น เช่นซิลิกา (Sio2) หรือ อะลูมินา (Alumina) 

แผ่นไมกาจะถูกนำมาเคลือบด้วยชั้นบางๆของไททาเนียมไดออกไซด์ (TiO2) เหล็กออกไซด์ (Iron Oxide)หรือโลหะออกไซด์อื่นที่อุณหภูมิประมาณ 1350F ถ้าเคลือบด้วยไททาเนียม สีที่ได้จะเป็นสีขาวๆ แต่ถ้าเคลือบด้วยโลหะออกไซด์ สีก็จะเป็นสีแดง เหลือง ฟ้า หรือสีทอง หลังจากเคลือบแล้วจะได้เม็ดสีประกายมุกที่มีหน้ากว้าง 4- 1000 ไมครอน ความหนาประมาณ 0.5 ไมครอน และถึงแม้ว่าแผ่นไมกาอาจจะบางน้อยกว่า 0.25 ไมครอนก็ตาม ก็ยังพบว่าหลังจากเคลือบฟิล์มบางๆแล้ว ยังคงมีผิวเรียบมาก จึงให้คุณสมบัติสะท้อนแสงได้ดี ขณะยังคงมีความโปร่งแสงสูง บางส่วนที่ไม่สะท้อนแสงก็จะส่งผ่านทะลุไปชั้นล่างถัดไป เมื่อไปกระทบเม็ดสีที่อยู่ข้างล่าง ก็จะสะท้อนแสงขึ้นมาอีกสีหนึ่ง ดังนั้นเราจึงเห็นสีแวววาวเหลือบไปมาคล้ายมุก ในมุมมองและองศาการมองที่แตกต่างกัน ตามตัวอย่างภาพข้างล่าง

การเคลือบไมกาด้วยสารเคลือบต่างๆ อาจจะได้ขนาด รูปร่างและความหนาแตกต่างกันไป โดยความหนาของสารเคลือบจะเป็นตัวกำหนดสี ความละเอียดหรือหยาบของเม็ดสีจะเป็นตัวกำหนดความเงาและเป็นประกาย โดยสีที่ได้จะให้ความรู้สึกถึงความลึกและแวววาว เราจะพบว่าขนาดเม็ดสีเล็กจะมีความวาวแบบซาติน(ด้านๆ) ถ้าขนาดเม็ดสีใหญ่จะมีความวาวเป็นประกาย

วิธีการเลือกใช้สีทองอย่างไร

1. ต้องการสีทองแววาวแบบใด ถ้าต้องการสีทองแวววาวแบบด้านๆ ให้เลือกใช้สีทองที่ใช้เม็ดสีทองขนาดเล็ก (อะครีลิคสีทอง(ยุโรป) A-900 / อะครีลิคสีทอง(พิเศษ) A-905 ) และถ้าต้องการสีทองแบบวาววาวเป็นประกาย ให้เลือกใช้สีทองที่ใช้เม็ดสีทองขนาดใหญ่ขึ้น (อะครีลิคสีทองประกาย AG-T001)

2. ต้องการระบบโซว์เวนท์หรือระบบน้ำ สิ่งที่ได้เปรียบของสีทองระบบน้ำคือ การมีกลิ่นไม่รุนแรงเท่าระบบโซว์เวนท์ ถ้าใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการลดกลิ่น ก็ควรใช้ระบบน้ำ แต่ถ้าเรื่องกลิ่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ก็สามารถใช้ระบบโซว์เวนท์ได้

3. การทาทับบนสีทองเดิม ถ้าเป็นการซ่อมสีทองเดิมหรือทาทับบนสีทองเดิม แนะนำให้ใช้สีระบบเดิมที่เคยใช้งานจะเหมาะสมที่สุด เพราะจะไม่มีปัญหาเรื่องสีไม่เข้ากัน ไม่มีปัญหาสียกตัว (หรือที่เรียกกันว่า สีกัดกัน) (wrinkling)) แต่ถ้าเดิมลูกค้าใช้ระบบโซว์เวนท์ และต้องการทับหน้าด้วยระบบน้ำ ให้ลูกค้าทดสอบในพื้นที่เล็กๆก่อน ถ้าการยึดเกาะดีและสีไม่ยกตัว อาจอนุมานว่า สามารถใช้ได้

4. ความทนทาน ความทนทานมี 2 ประเด็นคือสีทองทนทาน ไม่หมองคล้ำ ตรงนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพผงสีทองที่ผู้ผลิตเลือกใช้  สำหรับPremium Gold A-900 / A-905 / AG-T001 เราเลือกใช้ผงทองคุณภาพเยี่ยม เกรดพรีเมี่ยม สำหรับงานภายนอกโดยเฉพาะ รับประกันว่าไม่มีปัญหาเรื่องหมองคล้ำ จากการออกซิไดซ์กับความชื้นอย่างแน่นอน

ความทนทานอีกประเด็นคือ ความทนทานจากเรซินหรือbinderหลักที่เอามาใช้งาน บางบริษัทใช้ระบบน้ำ บางบริษัทใช้ระบบโซว์เวนท์  การใช้ระบบน้ำต้องการเม็ดสีทองที่ทนทานต่อการออกซิไดซ์เป็นพิเศษ เพราะเราทราบอยู่แล้วว่า เหล็กออกไซด์ถูกเคลือบอบู่บนแผ่นไมกา จึงง่ายต่อการออกซิไดซ์ด้วยความชื้นหรือจากน้ำมากกว่าระบบโซว์เวนท์ เพื่อให้หมดความกังวลต่อการออกซิไดซ์ การเลือกใช้สีทองระบบโซว์เวนท์จึงเป็นเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจ

นอกจากนี้บางคนอาจยังกังวลเรื่องความทนทานว่า อะไรจะทนกว่ากันระหว่างสีระบบน้ำกับระบบโซว์เวนท์ คำตอบจะเป็นคำถามกลับว่า แล้วผู้ผลิตเลือกใช้เรซินหรือbinderอะไร?  ไม่ใช่ถามว่าระบบน้ำหรือระบบโซว์เวนท์ เพราะน้ำหรือโซว์เวนท์หลังจากใช้งานก็จะระเหยออกไปหมด ที่เหลือคือเรซินหรือbinderเท่านั้น และถ้าถามว่าเมื่อก่อนเป็นสีทองระบบโซว์เวนท์ ทำไมจึงเปลี่ยนมาเป็นสีทองระบบน้ำ ถ้าคำตอบคือสีทองระบบน้ำทนทานกว่า แล้วทำไมจึงเพิ่งมีสีทองระบบน้ำไม่นานมานี้ ทั้งๆที่ระบบน้ำมีมานานมากแล้ว  แล้วคำตอบที่ว่าสีทองระบบน้ำทนทานกว่าเป็นคำตอบที่แท้จริงหรือ? หรือว่าคำตอบที่แท้จริงในการเปลี่ยนมาเป็นสีทองระบบน้ำคือ ต้องการลดการปล่อยสารระเหยสู่สิ่งแวดล้อม….ฝากเอาไปคิดครับ. 

มาต่อเรื่องความทนทาน สีทองโดยทั่วไปจะใช้เรซินหรือbinderประเภทอะครีลิค เพราะเหมาะสมกับงานภายนอก แต่อะครีลิคเรซินของผู้ผลิตแต่ละรายเลือกใช้ก็อาจแตกต่างกัน การทดสอบหรือการใช้งานจริงเท่านั้นจึงจะพิสูจน์ได้ว่า สีทองบริษัทไหนทนทานกว่ากัน ปัจจุบันจะพบว่าผู้ผลิตทั้งระบบน้ำและระบบโซว์เวนท์ต่างบอกว่า ตัวเองใช้เรซินอะครีลิค สรุปว่าใช้เรซินหรือbinderประเภทเดียวกัน เพียงแต่อยู่ในรูประบบน้ำหรือโซว์เวนท์เท่านั้น จากประสบการณ์อันยาวนานของสีทองระบบโซว์เวนท์ น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ถึงความทนทานได้เป็นอย่างดีในตัวเองอยู่แล้ว ในขณะที่สีทองระบบน้ำจะต้องใช้เวลาพิสูจน์ต่อไป.